ตัวตนของ ซาดิโอ มาเน่ ที่ทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลแอฟริกันที่ดีที่สุด

"คนเก่งมีอยู่มากที่หายากคือคนดี" ... นี่อาจจะเป็นวลีที่ดูตกยุคในสายตาของบางคน แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในสังคมการทำงานทุกๆ ที่ เราต่างต้องการเพื่อนร่วมงานที่นอกจากจะทำงานได้เก่งแล้ว เขาคนนั้นควรจะต้องเป็นคนที่เคมีตรงกัน ... ไม่ต้องดีเลิศประเสริฐศรีมากมาย ขอแค่ให้เป็นคนที่เห็นแก่ส่วนรวมและตั้งใจทำหน้าที่ส่วนตนอย่างเต็มที่ก็พอแล้ว


 หากเปรียบ ลิเวอร์พูล เป็นออฟฟิศออฟฟิศหนึ่งที่มีนักเตะ 20 กว่าชีวิตเป็นพนักงาน ออฟฟิศแห่งนี้ผลิตผลงานคุณภาพออกมาตลอดทั้งปี ภายใต้ความกลมเกลียวของพนักงานทุกคนที่มี เป้าหมายและทัศนคติไปในทิศทางเดียวกัน  และมีนักเตะคนหนึ่งที่ถือเป็นขวัญใจของเพื่อนร่วมทีมอย่างที่สุดนั่นคือ ซาดิโอ มาเน่ นักเตะที่มักไม่ค่อยออกสื่อมากมายนัก แต่ผู้คนจะพูดถึงเขาในฐานะ "Nicest Guy" หรือพ่อหนุ่มใจหล่อเสมอ และสิ่งนี้เองที่ทำให้เขาเป็นที่รักของคนรอบข้างไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม


ติดตามความไนซ์ ของ มาเน่ ที่เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มของคนรอบข้าง และส่งกลับมาเป็นพลังของเขาได้ที่นี่

เข้าใจความสำคัญของ "ทีม" ลิเวอร์พูล ร้อนแรงแบบใครก็ปฎิเสธไม่ลงตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2019-20 ดังนั้นทุกทีมจึงหวังว่าพวกเขาจะทำแต้มตกหล่นบ้าง ... ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ทั้งการเล่นผิดพลาดในสนาม หรือแม้กระทั่งการผิดใจกันเองของนักเตะในทีม และแล้ววันนั้นก็เหมือนจะมาถึง วันที่ ลิเวอร์พูล บุกเยือน เบิร์นลี่ย์ ในวันที่ 31 สิงหาคม 2019 ที่ผ่านมา และเมื่อพูดถึง ลิเวอร์พูล ยุคนี้ ก็ต้องนึกถึงเรื่องการใส่สกอร์โดยศูนย์หน้าทั้ง 3 คนอย่าง ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ และ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ 

เกมนั้น มาเน่ และ ฟิร์มิโน่ ใส่สกอร์ไปแล้วคนละ 1 เม็ด นั่นทำให้ โม ซาลาห์ ที่ถือว่าเป็นผู้เล่นอันดับ 1 ของทีม (จากการสรุปมูลค่านักเตะปี 2019) พยายามที่จะยิงประตูเองในหลายๆ จังหวะ และมีจังหวะจะๆ จังหวะหนึ่งที่ ซาลาห์ เจอผู้เล่น เบิร์นลี่ย์ ขวางอยู่ 2-3 ด่าน ขณะที่ มาเน่ ยืนว่างอยู่คนเดียวที่เสาสอง ทว่า ซาลาห์ ก็เลือกที่จะยิงเองและทำให้ มาเน่ ชักสีหน้าหงุดหงิดอย่างชัดเจนทันทีที่กล้องโคลสอัพไปที่เขา ทุกอย่างชัดเจนไปอีกเมื่อ


jacklewisbaillot.com เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของทีมเปลี่ยนตัว มาเน่ ออก เท่านั้นเอง มาเน่ ก็ระเบิดลงทันที เขาเดินสบถมาตลอดทาง ชี้ไม้ชี้มือเหมือนพยายามจะบอกว่า ซาลาห์ ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม้แต่ คล็อปป์ เองก็ห้ามไม่อยู่ จนได้เพื่อนๆ ที่ม้านั่งสำรองอย่าง ฟิร์มิโน่, โจ โกเมซ และ เจมส์ มิลเนอร์ เข้ามาสงบสติอารมณ์ "มันไม่ใช่เพราะการเปลี่ยนตัว แต่ มาเน่ ไม่พอใจอย่างมากที่ ซาลาห์ ไม่ส่งบอลให้กับเขาที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า" เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอมรับโดยดีว่าลูกทีมของเขามีปัญหากันลากยาวตั้งแต่อยู่ในสนาม 


ทุกคนตื่นตูมกับเรื่องนี้มาก คิดว่ารอยร้าวเกิดขึ้นกับ ลิเวอร์พูล และการ "พยายามยิงประตูเองจนมองข้ามกันและกัน" ระหว่างนักเตะคู่นี้ เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยๆ จนหลายคนฟันธงว่าระเบิดลงจริงๆ แล้วในครั้งนี้


แต่สถานการณ์จากที่ดูเหมือนร้ายกลับกลายเป็นดีในการซ้อมหลังจากนั้นวันเดียวเท่านั้นเอง  "เฮ้ย! โม 

(ซาลาห์) ทำไม มาเน่ มันอยากจะต่อยนายวะ" จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม แซวคู่กรณีทั้ง 2 คนในขณะที่เพื่อนร่วมทีมอยู่ในห้องแต่งตัวจนครบทีม  แค่นั้นเองทุกอย่างก็จบ ทุกคนในทีมพร้อมใจกันหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่ ซาลาห์ เดินเข้ามาหามาเน่และถามว่า มาเน่ โกรธเขาเรื่องอะไร? ซึ่ง มาเน่ ก็บอกตรงๆ แบบไม่มีกั๊กว่า"ก็ฉันอยากได้บอล" การพูดคุยแบบง่ายๆ แบบลูกผู้ชายไม่มีเล่ห์เหลี่ยมทำให้ ซาลาห์ ขอโทษมาเน่ และ มาเน่ ก็หายโกรธในทันที  "ผมอยากได้บอล ซึ่ง โม ก็ชี้แจงออกมาว่า ฉันไม่เห็นนาย แต่นายรู้ใช่มั้ยว่าฉันไม่มีอะไรกับนาย เราคุยกันทางโทรศัพท์บ้างบางครั้ง ส่งข้อความหากันสม่ำเสมอ และเราไม่มีปัญหาอะไรแล้ว” มาเน่ ร่ายยาวถึงเรื่องดังกล่าว


แม้จะมีการยุแยงไปต่างๆ นานาจากสื่อ แต่ มาเน่ เองก็เป็นคนที่แฟร์มากพอเมื่อได้รับการขอโทษ 

เขาก็ทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและเข้าใจว่าทำไม ซาลาห์ ต้องทำแบบนั้น และทำไมเขาจึงไม่ควรโกรธให้บรรยากาศในทีมเสีย เพียงเพราะว่าตัวเขาต้องการยิงประตู ทั้งๆที่สกอร์ ณ เวลานั้น ลิเวอร์พูล นำเบิร์นลี่ย์ ถึง 3-0 และสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว นั่นคือ "ชัยชนะ"

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รีชาร์ลีซง เน้นย้ำความสำคัญของ ทอฟฟี

เจอราร์ดโลเปซเจ้าของลีลล์เล่าถึงความลับเบื้องหลังความสำเร็จในการย้ายทีม

มูรินโญ่กล่าวเฉพาะการยกเว้นของอัลลีจากทีมว่าเขามี ผู้เล่นมากเกินไป ในบางตำแหน่ง